23 กันยายน 2556

อาถรรพ์สิบลัคน์ ฉบับส่วนตัว

   ระยะนี้ผมเขียนบทความบ่อยเพราะรู้สึกว่าต้องการระบายสิ่งที่เก็บไว้มานานปี  วันนี้ขอเล่าเรื่องอาถรรพ์สิบลัคน์ซึ่งเป็นประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆ  เผื่อท่านที่ยังไม่ได้เจอจะได้เข้าใจ
   ผมเริ่มเรียนวิชาสิบลัคนากับอาจารย์โปร่งที่โคราชเมื่อปี 2533  จำได้แม่นเลยว่าไปนั่งเรียนกับท่านเพียงสามครั้งเท่านั้น  ครั้งหนึ่งเป็นวันเสาร์ก็เข้าไปเรียนตามใจสะดวก  พอเข้าไปในห้องก็แปลกใจเพราะพบศิษย์รุ่นพี่เป็นชายสองท่านกำลังนั่งเรียนอยู่ก่อน  ที่แปลกใจเพราะวันนั้นทุกคนต่างพร้อมใจใส่เสื้อสีฟ้ามาเรียนทั้งสามคน  หลังจากนั้นไม่นานผมก็ได้งานทำที่กรุงเทพฯและไม่ได้กลับไปเรียนต่ออีกเลย  ช่วงแรกนั้นการพยากรณ์ของผมก็เป็นไปอย่างราบรื่น  บางเรื่องที่ไม่แน่ใจก็มีเหตุดลใจให้ทายออกไปและกลับถูกต้องอย่างน่าประหลาด  บางคนพอผูกดวงเสร็จผมก็พิจารณาเพียงนิดหน่อยก็ทายได้และถูกต้องตรงเรื่องเสียด้วย  จนเริ่มรู้สึกว่าจะทายใครสักคนต้องระวังและรอบคอบให้มาก  กลัวคนที่ถูกทายจะเกิดแต่เรื่องร้ายๆตามคำพูดของเรา
   ต่อมาไม่กี่ปีผมก็ทราบข่าวว่าอาจารย์โปร่งถึงแก่กรรม  หลังจากนั้นไม่นานผมเริ่มจำสิ่งที่เรียนมาจากอาจารย์ได้น้อยลง  การอ่านดวงชะตาที่เคยง่ายกลับเป็นเรื่องยาก  เป็นอย่างนั้นมาอีกหลายปีจนกระทั่งผมมาพบอาจารย์เกรียงศักดิ์ เทศถมทรัพย์  โดยเข้าไปเป็นลูกค้ารับคำพยากรณ์จากท่านแต่ก็ไม่คิดจะเรียนต่อเพราะถือว่ามีครูบาอาจารย์อยู่ก่อนแล้ว  น่าประหลาดที่ความรู้เก่าๆกลับคืนมาได้เอง  และสามารถกลับมาพิจารณาดวงชะตาได้ดีเหมือนเดิม
   ความจริงก่อนที่จะได้พบอาจารย์เกรียงศักดิ์  ผมได้พบกับคุณแม่ของท่านก่อนคืออาจารย์ชื่นจิตต์ เทศถมทรัพย์  ครั้งนั้นผมต้องการไปพบท่านอาจารย์อรุณ  แต่พอไปถึงก็ทราบว่าท่านอาจารย์อยู่ที่วัดวิเวการาม  ชลบุรี  จะสอนศิษย์เฉพาะปลายเดือนนอกพรรษา  ท้ายที่สุดก็ไม่มีโอกาสได้พบท่านอาจารย์อรุณเลยสักครั้งเดียว
   ส่วนโหราจารย์สิบลัคน์ท่านอื่นที่เคยไปพบก็มีอาจารย์ชำนาญ โกกะอินทร์  สำนักท่านอยู่ถึงฉะเชิงเทราก็ยังอุตส่าห์ดั้นด้นไปหาท่านถึงสามครั้ง
   ในระยะที่ไม่ได้เรียนกับอาจารย์ท่านใด  ผมก็ศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวเองผ่านหนังสือและบทความของโหราจารย์สิบลัคนาหลายๆท่าน  มีท่านหนึ่งที่ผมสนใจคือท่านที่ใช้นามปากกาว่า “สีดิน  เป็นเพราะลีลาการเขียนบทความของท่านแตกต่างจากโหรร่วมสมัย  ใช้คำง่ายๆเป็นกันเอง  จนมากระทั่งวันหนึ่งผมก็ได้มาพบท่านและฝากตัวเป็นศิษย์
   สิ่งที่เหลือเชื่อได้เกิดอีกครั้งหนึ่ง  ในราวปลายปี 2553 ผมได้มีโอกาสไปพยากรณ์การกุศลหาเงินทอดผ้าป่าบูรณะวัดที่โคราช  โดยงานจัดเป็นงานใหญ่  มีกิจกรรมรื่นเริงอื่นๆได้แก่การแสดงดนตรี ชิงช้าสวรรค์ ฯลฯ  มีผู้คนมาร่วมงานวันละนับพันคน  ผมต้องไปนั่งพยากรณ์สองวันคือคืนวันศุกร์และคืนวันเสาร์  คืนแรกผู้คนบางตาเพราะเป็นวันสุดสัปดาห์  แต่ก็เป็นวันที่ผมถูก “ลองของ”มากที่สุด  มีอาจารย์ท่านนึงเธอบอกว่าสอนทางจิตวิทยาขอให้ตรวจดวงให้หน่อย  พอผมวางดวงก็รู้เลยว่าต้องเป็นด็อกเตอร์  เลยทายว่าคุณจบอย่างต่ำก็ปริญญาโท  เธอแกล้งเฉไฉว่าจบแค่ปริญญาตรีและขอให้พยากรณ์ต่อ  ผมก็ทายไปจนจบกระบวนความ  เพื่อนของเธอที่นั่งฟังอยู่ด้วยให้ผมดูดวงต่อ  เธออยากรู้ว่าป่วยด้วยโรคอะไร  วางดวงเสร็จก็รู้ว่าเธอเป็นมะเร็งและคงอยากลองภูมิเลยทายไปว่า  คุณป่วยเป็นโรคเรื้อรัง  รักษาหายยาก  เพียงเท่านี้เธอก็อมยิ้ม  ยังมีเด็กสาวอีกรายเอาเวลาตกฟากผิดมาขอดูดวง  ผมพิจารณาดูแล้วเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเกิดในเวลานั้น  เลยบอกให้เธอกลับไปถามเวลาเกิดจากพ่อแม่มาใหม่  คืนถัดมาซุ้มดูดวงของผมแน่นขนัด  ทั้งคนหนุ่มคนสาวและเด็กวัยรุ่นฐานะดีมีชาติตระกูลต่างมารอคิวดูดวงไม่ขาดสาย  ผมถึงกับระลึกคุณครูบาอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชานี้ไว้ให้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน  และตลอดการพยากรณ์เหมือนจะมีอะไรมาดลใจให้ทายไปได้โดยไม่มีคำท้วงติงเลย
   ที่เล่ามาทั้งหมดนี้เป็นเพียงเกร็ดเล็กๆน้อยๆที่ได้ประสบกับตัวเอง  จึงขอนำมาบอกเล่าว่าครูบาอาจารย์สายสิบลัคนาท่านไม่ได้อยู่ไกลจากศิษย์เลย
23 ก.ย. 2556

***ผมมาระลึกได้ว่า  ตอนเป็นเด็กอายุราว​ 12​ ปี​  ช่วงนั้นผมไปอยู่กับแม่ที่วัดท่าซุง​  อยู่มาวันหนึ่งก็มีกลุ่มคนคณะหนึ่งมาที่วัด​  ด้วยความอยากรู้ตามประสาเด็กก็เดินตามไปดู
แต่ก็ไม่รู้จักใครสักคน​  แม่มากระซิบบอกว่าท่านที่นำคณะมาคือท่านอาจารย์อรุณ​ ครูโหรสายสิบลัคนา​  เวลานั้นผมยังไม่เข้าใจในศาสตร์นี้​  จึงได้แต่เพียงรับฟัง

   เป็นอันว่าชีวิตผมได้เคยพบท่านพระอาจารย์อรุณโดยบังเอิญ​ครั้งนึง
แต่มานึกแล้วคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน***
เพิ่มเติมเมื่อ​ 21​ ก.ย.​ 2561